รู้จักกับ “สีไม้” อุปกรณ์ศิลปะที่ใช้ได้ทุกวัย
สีไม้ เป็นอุปกรณ์ศิลปะที่สามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัยตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ ในปัจจุบันก็ไม่ได้เพียงแค่เด็ก ๆ เท่านั้นที่ชื่นชอบการระบายสีไม้ ยังมีเหล่าศิลปินหรือผู้สร้างสรรค์งานศิลป์ไม่น้อยที่หันมาใช้สีไม้ในการสร้างสรรค์ผลงานต่าง ๆ ทางด้านศิลปะ เพราะสีไม้นั้นถือเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานง่าย เข้าถึงได้ไม่ยาก มีให้เลือกหลายแบบหลายระดับ โดยจริง ๆ แล้วสีไม้นั้นคือสีแบบไหนกันถึงสามารถเข้าถึงทุกเพศทุกวัย วันนี้เรามีคำตอบครับ
ทำความรู้จักกับ “สีไม้”
“สีไม้” หรือบางคนอาจเรียกว่า “ดินสอ” มีลักษณะเหมือนแท่งของดินสอ มีความแห้ง ด้าน มีความอ่อนแข็ง เปรียบเทียบได้กับดินสอทั่วไปอย่าง ดินสอ HB 2B เป็นต้น ส่วนไส้สีหรือเนื้อสีนั้นจะมีความเนียนนุ่ม ใช้ให้ระบายได้ง่าย เมื่อระบายลงบนกระดาษแล้วสีจะเนียนติดผิวกระดาษนานไม่เป็นผงปลิวหรือซีดเร็ว โดยคุณสมบัติของสีไม้นั้นจะเป็นสีที่โปร่งแสงหรือกึ่งทึบแสงแต่ไม่ทึบตันเหมือนสีโปสเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่สีไม้โดยทั่วไปจะผลิตมาจากขี้ผึ้ง เพราะมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน มีลักษณะอ่อนนุ่มทำให้เม็ดสีลื่นไหลไปทั่วพื้นผิวกระดาษและเกาะติดกระดาษได้ง่าย ทำให้สามารถลงสีได้หลายชั้น การระบายสีไม้จึงเหมาะสำหรับเด็กที่เพิ่งเริ่มต้นใช้สีไม้ในการระบายสี เพราะนอกจากจะง่ายในการใช้งานแล้วยังช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของกล้ามเนื้อมัดเล็กในเด็กและเสริมสร้างจินตนาการในเด็กโตได้ดีอีกด้วย
ประเภทของสีไม้
1. สีไม้ทั่วไป
สีไม้โดยทั่วไปที่หลายคนรู้จักและเลือกใช้งานมาตั้งแต่เด็ก ๆ มีส่วนผสมของเม็ดสีและขี้ผึ้งที่ใช้เป็นสารยึดเกาะเม็ดสีทำให้มีความสดเข้มสี และเป็นสีที่ไม่ละลายน้ำ ระบายนุ่ม ระบายสีไม้ได้พื้นที่ที่มากกว่า เม็ดสีลื่นไหลไปทั่วพื้นผิวกระดาษเกาะติดได้ง่าย จึงทำให้เราสามารถลงสีได้หลายชั้น มีทั้งแบบแท่งสั้นและแท่งยาว ไส้ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้สีไม้
2.สีไม้ระบายน้ำ
เป็นสีที่ถูกผลิตขึ้นมาด้วย binder(ตัวเชื่อม) ที่ละลายได้น้ำได้ ทำให้สามารถใช้ทั้งเทคนิคสีไม้และสีน้ำได้ ช่วยให้งานระบายสีไม้สามารถเปลี่ยนเป็นงานสีน้ำได้สวยสดงดงาม เพียงมีพู่กันและน้ำนั่นเอง และสีไม้ระบายน้ำยังง่ายต่อการผสมสี การไล่เฉดสีอีกด้วย
เทคนิคเลือกสีไม้สำหรับลูกน้อย
สีไม้เป็นอุปกรณ์ที่ถือว่าหาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพง และมีหลายระดับหลายคุณภาพให้ได้เลือกใช้ แต่ในปัจจุบันมีสีไม้หลายแบบหลายยี่ห้อเยอะแยะมากมาย จนไม่รู้ว่าจะเลือกสีไม้แบบไหนดีถึงจะตอบโจทย์การใช้งาน วันนี้เราจึงมีเทคนิคการเลือกสีไม้มาฝากกัน โดยจะมีเทคนิคการเลือกสีไม้อยู่ 4 เทคนิคด้วยกัน ดังนี้
1.ตรวจสอบความเข้มและความนุ่มของไส้สี
ไส้ดินสอสีหรือไส้สีไม้นั้นจะมีระดับความแข็งอยู่ 3 ระดับคือ แข็ง ปานกลาง และนิ่ม โดยชนิดไส้แข็งและปานกลางจะมีเม็ดสีไม่เข้มข้นมากนัก แต่ก็สามารถใช้วาดรูปที่มีรายละเอียดเยอะ ๆ ได้ง่าย ส่วนชนิดไส้นิ่มนั้นจะมีเม็ดสีที่เข้มข้นมาก แม้ว่าผงเม็ดสีจะร่วงหล่นได้ง่ายแต่ก็ให้สีที่สดเข้มคมชัด เหมาะกับการระบายในพื้นที่ใหญ่ ๆ
ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกซื้อเราควรทดลองระบายสีไม้ก่อนเพื่อตรวจสอบความสดเข้มของสีไม้ แต่ส่วนใหญ่สีไม้ที่ขายมักจะไม่ค่อยมีตัวอย่างให้ทดลองระบายสีไม้ ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นที่จะต้องพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ อาจจะเลือกดูรีวิวสีไม้จากในอินเทอร์เน็ตหรือรีวิวจากบล็อกเกอร์แต่ละคนก็ได้เหมือนกัน เพื่อที่เราจะได้ไม่ช้ำใจทีหลัง
2.เลือกตามลักษณะของแท่งสีไม้
แท่งสีไม้โดยทั่วไปจะมีอยู่ 2 ลักษณะคือ แท่งสีไม้ทรงสามเหลี่ยมและแท่งสีไม้ทรงหกเหลี่ยม โดยแท่งทรงสามเหลี่ยมจะช่วยฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กของลูกน้อยได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับเด็กเล็กตั้งแต่อายุ 2-5 ปี ส่วนแท่งทรงหกเหลี่ยมนั้นเด็กจะใช้ความพยายามในการระบายเพื่อควบคุมแรง ทิศทาง และสมาธิเพื่อไม่ให้ออกนอกเส้นขอบ ทำให้เด็ก ๆ ได้เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดเล็กได้เป็นอย่างดีอีกด้วยเหมาะสำหรับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปีขึ้นไป
ดังนั้นในการเลือกสีไม้ควรเลือกซื้อลักษณะของแท่งสีไม้ให้เหมาะกับเด็กในแต่ละช่วงวัยของเด็กด้วย และในปัจจุบันก็มีการผลิตแท่งสีไม้ที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติเพื่อเป็นตัวเลือกในการใช้งานสำหรับเด็กเล็กที่จะช่วยให้จับถนัดมือได้ดีขึ้น
3.เลือกสีไม้ 2 หัว อีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยประหยัดพื้นที่จัดเก็บ
ในปัจจุบันนั้นมีสีไม้หลายเฉดสีให้เราได้เลือกใช้กันเยอะมากขึ้นไป ซึ่งการที่มีสีที่เยอะขึ้นทำให้กล่องสีใหญ่ขึ้นตามปริมาณของสีไม้ และสำหรับใครที่ต้องการใช้สีไม้หลายสี แต่ก็ไม่อยากพกกล่องสีขนาดใหญ่ไปด้วย เราขอแนะนำสีไม้แบบ 2 หัว ที่นอกจากจะใช้ระบายสีไม้ได้สะดวกแล้ว ยังช่วยประหยัดพื้นที่จัดเก็บได้อีกด้วย
4.เลือกสีไม้ที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย
คุณภาพและความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งของการเลือกซื้อสินค้า และสีไม้ก็เช่นกัน การเลือกซื้อสีไม้สำหรับเด็กก็ควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นพิเศษ เพราะเด็กอาจจะสัมผัสกับสีและมาจับหน้าหรือเอามือเข้าปากก็ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายกับร่างกายได้
ดังนั้นเราจึงเลือกสีไม้ที่ระบุว่าปลอดสารพิษและมีมาตรฐานรับรองคุณภาพและความปลอดภัยอย่างสีไม้มาสเตอร์อาร์ตที่เป็นสีที่ไม่มีสารเคมีและสารพิษต่อร่างกาย และได้รับการรับรองคุณภาพและความปลอดภัยจากยุโรป EN71/9 หรือ EN71 & Phthalate Safety Standard และ ASTM D-4236 จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ที่กล่องสีไม้เลย
อย่างไรก็ตามการเลือกซื้อสีไม้นั้นแม้จะเข้าถึงได้ง่าย และราคาไม่แพง แต่ทุกการตัดสินใจนั้นก็ต้องคำนึงถึงคุณภาพเเละความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ ความเลือกสีไม้ที่มีความน่าเชื่อถือและใช้งานได้ง่ายอย่างสีไม้มาสเตอร์อาร์ต ที่มีเนื้อสีนุ่ม ระบายง่าย ให้สีสดสวยทุกงานระบายผลิตจากไม้คุณภาพดี ลดปัญหาการโก่งงอ เหลาง่าย ไม่ทำให้ไส้หักขณะเหลา และมีการรับรองมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยจากยุโรป และสหรัฐอเมริกา หาซื้อได้ที่ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าชั้นนำทั่วไปทั่วประเทศ
คลิกที่รูปภาพ
เพื่อสั่งซื้อสินค้า
Facebook Comments